20th Century Studios สร้างปรากฏการณ์ให้กับโลกภาพยนตร์อีกครั้ง กับ “Kingdom of the Planet of the Apes อาณาจักรแห่งพิภพวานร” ภาคใหม่ล่าสุดของมหากาพย์ภาพยนตร์ Planet of the Apes ที่เคยสร้างตำนานไตรภาคอันยอดเยี่ยมมาแล้วก่อนหน้า โดยความพิเศษของเรื่องนี้ คือการได้ผู้กำกับ เวส บอลล์ จากภาพยนตร์ชุดไตรภาค The Maze Runner และทีมครีเอทีฟมากฝีมือมาผนึกกำลังร่วมเนรมิตยุคแห่งวานรให้สมจริงและยิ่งใหญ่กว่าเดิม ทั้งฉากอลังการและทัพเหล่าวานรที่สมจริงทุกรายละเอียด การันตีความสมบูรณ์แบบสุดตระการตาจากสตูดิโอผู้สร้าง Avatar: The Way of Water
Performance Capture เทคโนโลยีสุดล้ำเปลี่ยนนักแสดงให้เป็นเอป (Ape)
หากยังจำกันได้ นับตั้งแต่ Rise of the Planet of the Apes ในปี 2011 และ Dawn of the Planet of the Apes ในปี 2014 จนถึง War for the Planet of the Apes ในปี 2017 ไตรภาคเดิมของ Planet of the Apes ล้วนใช้เทคโนโลยี Performance Capture อันเหนือชั้นมอบชีวิตให้เหล่าวานรมีความรู้สึกนึกคิดและเคลื่อนไหวราวกับโลดแล่นอยู่ในโลกของความเป็นจริง ทำให้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาเทคนิคภาพพิเศษยอดเยี่ยมในทุกเรื่อง
พอเปลี่ยนผ่านมาสู่ยุคใหม่กับ “Kingdom of the Planet of the Apes อาณาจักรแห่งพิภพวานร” ผู้กำกับ เวส บอลล์ ยังคงร่วมกับทีมงานจากภาพยนตร์ 3 ภาคก่อน ในการนำเทคโนโลยี Performance Capture มาเปลี่ยนนักแสดงที่เป็นมนุษย์ให้กลายเป็นเอป แต่ความเหนือกว่าคือตัวเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นจากวิวัฒนาการของภาพยนตร์แอ็กชันไซไฟ โดยเฉพาะเรื่อง Avatar: The Way of Water ที่กวาดเสียงชื่นชมด้านงานภาพอย่างล้นหลาม จนได้รับรางวัลออสการ์สาขาเทคนิคภาพพิเศษ
ยอดเยี่ยม ซึ่งพัฒนาการดังกล่าวถูกนำมาใช้ในการสร้างสรรค์ภายนตร์เรื่องนี้ด้วย เช่น กล้องที่สวมลงบนศีรษะของนักแสดงเพื่อเก็บข้อมูลการแสดงสีหน้า พัฒนาจากกล้องตัวเดียวเป็นกล้องคู่ซึ่งช่วยสร้างความลึกของใบหน้าและเปลี่ยนให้เป็นพิกัดทางเรขาคณิตแบบสามมิติ ทำให้บันทึกการแสดงสีหน้าได้ละเอียดยิ่งขึ้น สมจริงมากขึ้น
นอกจากนี้เพื่อให้เอปในเรื่องดูจริงที่สุด ก่อนการถ่ายทำเหล่านักแสดงต้องเข้าคลาสฝึกการเป็นเอปกับ อแลง โกธิเยร์ โค้ชด้านการเคลื่อนไหว นานถึง 6 สัปดาห์ เพื่อเปลี่ยนบุคลิกให้กลายเป็นเอปอย่างแท้จริง อีกทั้งยังได้ แอนดี้ เซอร์คิส ผู้แสดงต้นแบบให้กับตัวละครซีซาร์ในภาพยนตร์ 3 ภาคก่อนหน้า มาเป็นที่ปรึกษาพิเศษ ช่วยปรับแต่งน้ำเสียงและสร้างเข้าใจในเชิงจิตวิทยาว่าอะไรคือแรงขับเคลื่อนของเอป เพื่อสร้างบุคลิกตัวละครอย่างละเอียดด้วย ซึ่งเมื่อทักษะการแสดงอันยอดเยี่ยม
บวกกับเทคโนโลยี Performance Capture สุดล้ำ ยิ่งทำให้เหล่าวานรใน “Kingdom of the Planet of the Apes อาณาจักรแห่งพิภพวานร” ดูราวกับมีตัวตนอยู่จริง ๆ
รวมฉากจริงเข้ากับ Visual effects สร้างโลกยุควานรสุดตื่นตา
การสร้างภาพของโลกใหม่ในยุควานร เวส บอลล์ ได้ร่วมกับทีมครีเอทีฟเนรมิตโลกหลังเหตุการณ์ War for the Planet of the Apes ผ่านไปหลายร้อยปีออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ เผยให้เห็นถึงเศษซากอารยธรรมที่หลงเหลืออยู่ผ่านสภาพปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างจากฝีมือมนุษย์ ซึ่งกว่าจะได้ภาพอันตื่นตาตื่นใจในเรื่อง ต้องยกกองไปถ่ายทำในโลเคชันที่หลากหลายของออสเตรเลีย ทั้งชายหาดในชนบทของรัฐนิวเซาท์เวลส์ และเขตอุตสาหกรรมอื่นๆ เพราะผู้กำกับต้องการฉากที่เซ็ตขึ้นในสถานที่จริง แต่แน่นอนว่าเพื่อพาผู้ชมไปยังโลกที่ไม่มีอยู่จริงอันน่าทึ่งและน่าเหลือเชื่อ บางฉากก็จำเป็นต้องสร้างขึ้นจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งหนึ่งในตัวอย่างของฉากอันยิ่งใหญ่ คือรังนกอินทรีบนหอคอยที่สร้างขึ้นด้วยโครงสร้างไม้สูง 4 ชั้นให้มีรายละเอียดซับซ้อนก่อนเพิ่มความสมจริงด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะได้เห็นกันในตอนต้นของเรื่อง
สำหรับฉากแอ็กชันใน “Kingdom of the Planet of the Apes อาณาจักรแห่งพิภพวานร” นับว่ามีความซับซ้อนในด้านการถ่ายทำไม่น้อย เพราะมีเอปหลายชนิดอยู่ร่วมฉากเดียวกัน ทีมผู้สร้างจึงได้รวบรวมสตั๊นท์กว่า 20 คน มาสวมบทเป็นเอปสายพันธุ์ต่างๆ เพื่อให้เกิดความแม่นยำสมจริงด้านสรีรวิทยาและการเคลื่อนไหว ซึ่งเมื่อรวมเข้ากับความก้าวหน้าของวิชวลเอฟเฟ็กต์ก็ทำให้สามารถสร้างสรรค์ฉากแอ็กชันได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้อีกหนึ่งในความท้าทายที่สุดของการทำงานคือการรับมือกับน้ำ เพราะมีหลายฉากที่เหล่าวานรตัวเปียก ทีมวิชวลเอฟเฟกต์จึงต้องจัดการกับขนเอปที่เปลี่ยนรูปทรงเพราะเปียกน้ำให้ออกมาดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งก็ได้เทคโนโลยีจากการทำงานในเรื่อง “Avatar: The Way of Water” มาช่วยสร้างงานภาพให้สมจริง
จัดเต็มทั้งการแสดง ฉาก และเทคโนโลยีขนาดนี้ คาดหวังได้เลยว่า “Kingdom of the Planet of the Apes อาณาจักรแห่งพิภพวานร” จะสนุกและยิ่งใหญ่อลังการสมกับการรอคอยอย่างแน่นอน การันตีคุณภาพความตื่นตาตื่นใจโดยสตูดิโอผู้สร้าง Avatar: The Way of Water
สามารถซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ล่วงหน้าตั้งแต่วันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2567 ก่อนฉายจริง 9 พฤษภาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ และระบบ IMAX ทั่วประเทศ